ระดับ NAD+ ที่ลดน้อยลงเมื่อเราอายุมากขึ้น ซึ่ง NAD+ มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่การผลิตพลังงงาน จนถึงการซ่อมแซม DNA ดังนั้นการลดน้อยลงของ NAD+ จึงส่งผลกระทบต่อร่างกายในวงกว้าง การค้นหาแนวทางในการจัดการกับระดับ NAD+ ที่ต่ำจึงเป็นประเด็นสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งงานวิจัยนี้ก็รวมไปถึงการหาสารอื่นๆ มาใช้ร่วมกันเพื่อช่วยให้ฤทธิ์ด้านการชะลอวัยเพิ่มสูงขึ้น ตัวอย่างเข่น การเพิ่มสารบางตัว เช่น ไฟเซติน หรือเคอร์เซติน ร่วมกับสารตั้งต้น NAD+ ที่ช่วยเพิ่มการชะลอวัยได้มาก (*) ถือได้ว่าเป็นผลงานวิจัยที่น่าสนใจมากตัวหนึ่ง ดังนั้นแนวความคิดในการเพิ่มสารบางอย่างร่วมกับสารตั้งต้น NAD+ จึงมีความสำคัญต่อการเพิ่มระดับ NAD+ และเพิ่มสรรพคุณอื่นๆ เข้าไปเสริมได้ด้วย
ระดับ NAD+ ที่ต่ำมีความสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญ, ภูมิต้านทาน และการซ่อมแซม DNA
ระดับของ NAD+ ในเซลล์จะสูงมากในช่วงที่เราอายุน้อยและจะค่อยๆ ลดน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการเสื่อมและแก่ชราของร่างกาย กระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเซลล์ ทั้งการผลิตพลังงาน, การเผาผลาญ, ภูมิต้านทานและการซ่อมแซม DNA ล้วนแล้วต้องการ NAD+ ที่มากพอเพื่อให้กระบวนการต่างๆ ของร่างกายดำเนินไปตามปกติ เนื่องจากว่า NAD+ เป็นโคเอ็นไซม์ที่สำคัญในการผลิตพลังงานในไมโตคอนเดรีย ผ่านทาง Krebs cycle (*) ซึ่งต้องใช้ NAD+ ในการทำงาน 3 ขั้นตอนจากทั้งหมด 8 ขั้นตอน เพื่อให้ได้พลังงานในรูปแบบ ATP ซึ่งเซลล์จะนำพลังงานนี้ไปใช้ในกิจกรรมทุกอย่าง ด้วยเหตุผลนี้เอง การลดน้อยลงของ NAD+ จึงส่งผลต่อการทำงานทุกอย่างของร่างกาย เมื่อเราแก่ตัวลง ระดับ NAD+ ในร่างกายลดน้อยลง จึงส่งผลให้ร่างกายเราทำงานน้อยลง และค่อยๆ เสื่อม และก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ที่มากับความเสื่อมชราตามมา
เซอร์ทูอิน (Sirtuins) เป็นกลุ่มโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการชะลอวัยและการอยู่รอดของเซลล์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ NAD+ ช่วยในการทำงาน เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ระดับ NAD+ ที่ลดน้อยลง มีผลให้การทำงานของเซอร์ทูอินในกระบวนการชะลอวัยลดน้อยตามไปด้วย
ดังนั้นวัตถุประส่งค์ในการต่อต้านกับความแก่ชราและโรคที่มากับความชรา ก็คือการกระตุ้นให้เซอร์ทูอินทำงาน โดยใช้ NMN นอกจากนี้เอ็นไซม์ CD38 ทีมีความสำคัญต่อระบบภูมิต้านทานและการอักเสบ จำเป็นต้องใช้ NAD+ ในการทำงาน แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ CD38 จะมากขึ้นตามอายุ และเป็นที่รู้กันว่า CD38 เป็นตัวที่ใช้ NAD+ เป็นตัวหลักในการทำงาน ด้วยเหตุนี้การลดปริมาณ CD38 ลง จึงเป็นแนวทางสำคัญในการยับยั้งความชราและโรคที่มาพร้อมความชรา
นอกจากนี้ก็มีมีเอ็นไซม์ PARPs ที่จำเป็นต้องใช้ NAD+ เพื่อช่วยการทำงานของ DNA และซ่อมแซม DNA เมื่ออายุที่มากขึ้น ทำให้มีการสะสมของ DNA ที่ชำรุดเสียหายจำนวนมาก ก็จะส่งผลให้ความต้องการใช้ NAD+ สูงตาม ดังนั้น NAD+ ที่ลดน้อยลงตามอายุ ก็จะมีผลต่อการทำงานของ PARPs
การให้สารกลุ่ม ฟลาโวนอยด์, Stilbenes และแคโรตีนอยด์ ร่วมกับ NMN เพื่อเสริมฤทธิ์ด้านชะลอวัย
จากงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า NMN จะช่วยเพิ่มระดับของ NAD+ ให้สูงขึ้นได้ (*) และก็มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า การรับประทานอาหารเสริม NMN เป็นวิธีที่ช่วยเอาชนะความชราและโรคที่มาพร้อมความชราได้ การฟื้นฟูระดับของ NAD+ ด้วยสาร NMN ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าช่วยเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อ (*) และเพิ่มความวัยต่ออินซูลินในคนมีอายุได้ (*)
มีคำถามตามมาว่า การเพิ่มอาหารเสริมตัวอื่น จะเสริมฤทธิ์ของ NMN ได้หรือไม่? เพื่อทดสอบไอเดียนี้, มาดูกันว่ามีสารตัวไหนบ้างที่มีผลต่อเอ็นไซม์ที่ใช้ NAD+ อย่างเช่น เซอร์ทูอิน และ CD38
สารกลุ่มนี้ก็คือ Stilbene ที่พบได้ในเปลือกองุ่น, ถั่วพีนัท, บลูเบอร์รี่ และแครนเบอร์รี่ สารกลุ่มนี้ที่พบได้ในธรรมชาติได้แก่ เรสเวอราทรอล (Resveratrol) และ เธอโรสตีลบีน (Pterostilbene) ซึ่งมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบด้วย (*) สาร 2 ตัวนี้มีความแตกต่างกันเรื่อง คุณสมบัติในการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด (Bioavailability) พบว่า เรสเวอราทรอลมี bioavailability 20% ในขณะที่ เธอโรสตีลบีนมี bioavailability 80% ที่น่าสนใจคือ สารทั้ง 2 ตัวนี้ มีฤทธิ์ต้านโรคเบาหวานและต้านมะเร็งได้ด้วย (*) นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า เรสเวอราทรอล ช่วยเพิ่มอายุขัยในหนูทดลองที่เลี้ยงด้วยอาหารที่มีแคลอรี่สูง (*)
(Baur et al., 2006 | Nature) เรสเวอราทรอลช่วยยืดอายุขัยในหนูที่เลี้ยงด้วยอาหารแคลอรี่สูง กราฟเปรียบเทียบหนูที่ไม่ได้เลี้ยงด้วยอาหารแคลอรี่สูง (เส้นสีแดง) หนูที่เลี้ยงด้วยอาหารแคลอรี่สูง +เรสเวอราทรอล แสดงให้เห็นว่ามีอายุขัยที่ยาวกว่า (เส้นสีน้ำเงิน) เทียบกับหนูสุขภาพดีที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมดา (เส้นสีดำ)
ในระดับโมเลกุล สตีลบีน สามารถกระตุ้นเซอร์ทูอิน ชนิด SIRT1 (ที่ต้องใข้ NAD+) ดังนั้นการให้สารกลุ่มสตีลบีนก็จะช่วยการทำงานของเซอร์ทูอินได้ โดยพื้นฐานแล้วการเพิ่ม NAD+ ด้วยสารตั้งต้น เช่น NMN หรือ NR จะทําหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงที่ sirtuins จําเป็นต้องใข้ในการทํางาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญและะการกระตุ้นสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยต้านการแก่ชราและโรคที่มีกับความชราได้
จากการศึกษาพบว่า การให้ NMN ร่วมกับ เรสเวอราทรอล จะช่วยเพิ่มระดับของ NAD+ ในสมอง, หัวใจ, ไต และปอด ของหนูทดลอง ได้ดีกว่าการให้ NMN เพียงอย่างเดียว (+)
CoQ10 และเบทาอีน (Betaine) ช่วยในการเผาผลาญ
Coenzyme Q10 (CoQ10) เป็นสารชะลอวัยอีกตัวที่น่าสนใจ มีส่วนช่วยในการสร้างพลังงานในไมโตคอนเดรีย การลดลงของ CoQ10 ในร่างกายจะสัมพันธ์กับหลายโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุ เช่น ระบบประสาทเสื่อม, เบาหวาน, มะเร็ง พังผืด และโรคเกี่ยวกับเส้นเลือดและหัวใจ
อย่างไรก็ตาม การรับประทาน CoQ10 แสดงให้เห็นว่า ช่วยปกป้องหัวใจและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จากการทดลองในคนที่กิน CoQ10 จะช่วยให้ความดันเลือดลดลง และลดความเครียดของเซลล์จากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจวาย (*)
ดังนั้นการให้ CoQ10 ร่วมกับ NAD+ จะช่วยบรรเทาอาการของโรคที่มากับอายุ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้มีพลังงานในร่างกายสูงขึ้นด้วย
สารอีกตัวที่น่าสนใจ คือ เบทาอีน (Betaine) การรับประทานเบทาอีนจะช่วยชะลอกระบวนการแสื่อมของเซลล์ (แก่ชรา) ออกไป โดยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและกลูโคส และยับย้ังการอักเสบ ผ่านทางการทำงานของยีน (*) การรับประทาน NMN ร่วมกับเบทาอีนจะช่วยย้อนกลับกระบวนการเสื่อมที่เกิดจากอายุ
ฟลาโวนอยด์ เสริมฤทธิ์ NMN
สารอีกกลุ่มที่มีศักยภาพในการเสริมฤทธิ์ของ NMN ก็คือ ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) - ที่ได้จากผักผลไม้ สารในกลุ่มนี้ที่น่าสนใจคือ ไฟเซติน (Fisetin) และ เคอร์เซติน (Quercetin) ที่มีคุณสมบัติในการกำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพ (Senescence cell) ซึ่งเซลล์เสื่อมสภาพนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้แก่ชรา (*)
ด้วยคุณสมบัติด้าน Senolytic effect ของฟลาโวนอยด์, มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ทั้ง ไฟเซตินและเคอร์เซตินจะช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งในคนได้ (*) นอกจากนี้ยังพบว่า ไฟเซตินช่วยเพิ่มอายุขัยในหนูทดลองให้ยาวขึ้นได้ (*) ปัจจุบัน กำลังมีทำการวิจัยในคนถึงผลของไฟเซตินต่อ senolytic effect ว่าได้ผลหรือไม่
ที่น่าสนใจ พบว่าไฟเซตินสามารถกระตุ้นเอ็นไซม์ SIRT1 ได้ (เกี่ยวกับการมีอายุยืนยาว) การกินไฟเซตินร่วมกับ NMN จะช่วยเพิ่มกระบวนเผาผลาญได้ด้วย
ฟลาโวนอยด์อีกตัวคือ เคอร์เซติน (Quercetin) ที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่คล้ายกับไฟเซตินมาก และพบว่าเคอร์เซตินเป็นสาร senolytic ที่มีประโยชน์ต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับอายุ, การอักเสบ, ความเครียดจากออกซิเดชัน, มะเร็งและโรคเบาหวาน นอกจากนี้ การทดลองในเซลล์พบว่า เคอร์เซตินจะป้องกันเซลล์ไม่ให้แก่ก่อนวัยได้ (*)
ที่น่าสนใจคือ เคอร์เซตินสามารถยับยั้งเอ็นไซม์ CD38 ได้ (*) การให้ NMN ร่วมกับเคอร์เซตินจะช่วยกระตุ้นให้เพิ่ม NAD+ ได้มากขึ้นอีกด้วย
แคโรทีนอยด์เสริมฤทธิ์ของ NMN
แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) เป็นอีกกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่แรงมาก ในกลุ่มนี้ร่วมไปถึง แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) และไลโคปีน (Lycopene)
แอสต้าแซนทินจะเสริมการทำงานของไมโตคอนเดรียให้ดีขึ้นและลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ยังพบด้วยว่า แอสต้าแซนทินสามารภกระตุ้น SIRT1 ได้และปกป้องหัวใจและลดการเกิดพังผืด (Fibrosis) ที่หัวใจ (*) จากการทดลองในหนู ที่น่าสนใจก็คือ การให้แอสต้าแซนทินร่วมกับ NMN จะช่วยเพิ่มระดับของ NAD+ ได้สูงกว่าการให้ แอสต้าแซนทินร่วมกับ NR หรือ NR + Pterostilbene (*) สรุปก็คือ การเพิ่มแอสต้าแซนทินร่วมกับ NMN จะช่วยเพิ่มระดับของ NAD+ ไปพร้อมกับการกระตุ้น SIRT1 ได้ด้วย
สารแคโรทีนอยด์อีกตัว คือ ไลโคปีน ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ จากการวิจัยระบุว่า ไลโคปีนสามารถเสริมโครงสร้างผิวและลดริ้วรอยในผู้สูงอายุ (*) นอกจากนี้ ไลโคปีนยังสามารถกระตุ้น SIRT1 ได้เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และการให้ไลโคปีนกับ NMN (*) พบว่า ช่วยป้องกันความบกพร่องของการรับรู้ของสมองและลดความเสียหายจากความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในหนูที่มีอายุแก่ก่อนวัยอันควร ด้วยเหตุนี้ การรับประทานไลโคปีนร่วมกับ NMN จะช่วยเพิ่มฤทธิ์ด้านชะลอวัยได้ดี
Epigallocatechin gallate (EGCG) (*) เป็นสารที่พบในชาเขียว มีสรรพคุณ ต้านอนุมูลอิสระ, ต้านการอักเสบ และช่วยปกป้องระบบประสาทได้ดี ตอนนี้กำลังมีการทำวิจัยถึงฤทธิ์การรักษาตั้งแต่เรื่องสมองเสื่อมไปจนถึงเรื่องชะลอวัย (*) ยังพบด้วยว่า EGCG ช่วยยืดอายุขัยได้ด้วยในการทดลองกัหนู (*) ส่วนเรื่อง EGCG มีผลในการกระตุ้น SIRT1 หรือไม่, ยังไม่ชัดเจน แต่ด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ, การรับประทาน EGCG ร่วมกับ NMN เป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มฤทธิ์ชะลอวัยได้
เคอร์คูมิน (Curcumin) ที่พบมากในขมิ้นชัน มีสรรพคุณเป็น Senolytic พบว่าเคอร์คูมินสามารถกระตุ้นเซอร์ทูอิน (ทั้ง SIRT1 และ SIRT3) ได้ จากการทำวิจัยในคน พบว่า การรับประทานเคอร์คูมินนาน 6 สัปดาห์ จะเพิ่มคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้ร่างกายใข้อ๊อกซิเจนในนักวิ่งได้ดีขึ้น (*) ความสัมพันธ์ระหว่างเคอร์คูมินและการกระตุ้นเซอร์ทูอินมีความชัดเจน แต่การเสริมเคอร์คูมินร่วมกับ NMN เพื่อเพิ่มฤทธิ์ด้านชะลอวัย ยังต้องรองานวิจัยมาเสริมอีก
Alpha ketoglutarate (AKG) เป็นสารอีกตัวที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตพลังงานในเซลล์ นั่นคือ Krebs cycle จากการทดลองในหนอนพบว่าเมื่อให้ AKG จะช่วยเพิ่มอายุขัยได้ (*) การทดลองให้ร่วมกับ NAD+ ยังคงต้องรอผลการวิจัยสนับสนุน
การเลือกซื้ออาหารเสริมที่มีสารหลายตัวเพื่อช่วยชะลอวัย
นักวิจัยได้ยืนยันแล้วว่า การให้ NMN ร่วมกับสารอื่น จะช่วยเพิ่มระดับของ NAD+, กระตุ้นเซอร์ทูอิน และยับยั้งเอ็นไซม์ CD38 ได้ดีกว่าการให้ NMN (หรือสารตั้งต้น NAD+ ตัวอื่น) เพียงอย่างเดียว
อาหารเสริมบางตัวได้นำมาใช้ร่วมกับ สารตั้งต้น NAD+ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสตีลบีน (Stilbene) และฟลาโวนอยด์ คำถามที่น่าสนใจคือ การเพิ่มสารกลุ่มแคโรตีนอยด์และสารอื่น เช่น EGCG จะช่วยเสริมฤทธิ์ด้านการชะลอวัยหรือไม่ แต่ ดร,เดวิด ซินแคลร์ก็ได้ดื่มชาเขียวมัทฉะ ที่มีสาร EGCG สูงทุกวัน ทำให้หลายคนเริ่มทำตาม
เนื่องจากปัจจุบันมีอาหารเสริมจำนวนมากที่นำสารหลายชนิดมาผสมกับสารตั้งต้น NAD+ โดยขาดหลักฐานทางวิชาการมาสนับสนุน ดังนั้นการซื้อมาบริโภคควรทำด้วยความระมัดระวัง
Comments