นิโคตินาไมด์ โมโนนิวคลีโอไทด์ (Nicotinamide Mononucleotide: NMN) เป็นหนึ่งในอาหารเสริมชะลอวัยที่เป็นกระแสโด่งดังที่สุดทั่วโลก ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสารมหัศจรรย์ที่ช่วยยืดอายุขัยของคนเราได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน
หน้าที่หลักของ NMN คือ ช่วยเพิ่ม NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) ให้กับร่างกายของเรา ทั้ง NMN และ TMG ถือว่า เป็นอาหารเสริมที่มีความปลอดภัยสูงและไม่ส่งผลต่อระดับความดันโลหิตอย่างมีนัยสำคัญ
NAD+ เป็นโคเอ็นไซม์ที่สำคัญอย่างยิ่ง มีหน้าที่ในการสร้างพลังงานและช่วยให้การทำงานของเซลล์เป็นไปตามปกติ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมการทำงานของเอนไซม์ที่เรียกว่า Sirtuins หรือ "ยีนอายุยืน" ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของ NAD+ จึงขอสรุปสั้นๆ ดังนี้ว่า หากระดับ NAD+ ของร่างกายเราไม่มีเหลืออยู่เลยหรือเป็นศูนย์ เราจะตายภายใน 30 วินาที! เนื่องจาก NAD+ เป็นสารสำคัญที่มีบทบาทในวงจร Krebs (Krebs cycle เกี่ยวข้องการสร้างพลังงาน ATP ซึ่งเซลล์ทั่วร่างกายจะนำพลังงานนี้ไปใช้) หากไม่มีวงจรดังกล่าว เซลล์ของเราก็ไม่สามารถผลิต ATP หรือพลังงานได้เลย
เซอร์ทูอิน (Sirtuins) สามารถฟื้นฟูความเสียหายของ DNA และยังช่วยต่อสู้กับอาการอักเสบได้ด้วย ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับการมีอายุที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ยีนที่ช่วยซ่อมแซม DNA : PARPS (poly ADP-ribose polymerases) ยังต้องการระดับ NAD+ ที่เพียงพอ เพื่อช่วยให้ยีนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
หากไม่มี เซอร์ทูอินและ PARPS แล้ว, DNA และร่างกายของเราจะเสื่อมลงเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ที่สัมพันธ์กับอายุตามมา ด้วยเหตุนี้ ร่างกายของเรา จึงต้องการระดับ NAD+ ที่เหมาะสม เพราะหากไม่มี NAD+ การทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเราก็จะผิดปกติได้
แต่ก็น่าเป็นห่วงที่ระดับ NAD+ ในร่างกายคนเรา จะลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงชีวิตของเรา และการลดลงนั้นก็ค่อนข้างรวดเร็วหลังจากอายุ 60 ปีไปแล้ว
เป็นที่รู้กันว่า เมื่ออายุมากขึ้น การลดลงของ NAD+ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และนี่คือจุดที่ NAD+ boosters เช่น NMN ได้เข้ามามีบทบาท มีการศึกษามากมายที่แสดงให้เห็นว่า NMN และ NAD+ boosters ตัวอื่นๆ เช่น NR และ Trigonelline จะช่วยเพิ่มระดับ NAD+ ในเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายได้ โดยไม่มีผลข้างเคียงที่สำคัญ
อาหารเสริม NMN – สารแห่งความเยาว์วัย?
เป็นที่รู้กันดีว่า NMN ช่วยเพิ่มระดับ NAD+ ในร่างกายได้มากถึง 40% (R) จากการศึกษาพบว่า “NMN ช่วยเสริมกระบวนการเผาผลาญร่างกายในวัยผู้สูงอายุ ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นเหมือน คนอายุลดน้อยลง 10 ถึง 20 ปี” Shade et al (2020) (R)! การศึกษาเกี่ยวกับ NMN ในมนุษย์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นว่า NMN มีประโยชน์ต่อสมรรถภาพทางกีฬา, ความอดทน, Vo2Max, การดื้อต่ออินซูลินและสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร NMN ยังมีประโยชน์อย่างมากมายต่อสุขภาพหลายด้านรวมทั้ง สุขภาพตับและสุขภาพจิต การควบคุมอินซูลิน และสมรรถภาพทางกีฬา NMN ยังได้รับการยืนยันถึงความปลอดภัยจากการศึกษาในมนุษย์หลายครั้ง รวมถึงงานวิจัยของ Irie et al (2020) (R)
นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้มีอายุยืนยาวพบว่า เราควรเสริมประสิทธิภาพของ NMN ให้ออกฤทธิ์ดีขึ้น เมื่อต้องรับประทาน NMN เป็นเวลานานต่อเนื่อง ด้วยการรับประทาน TMG เพื่อช่วยเพิ่มกระบวนการเมทิลเลชั่น ซึ่งจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรับประทาน NMN ควบคู่กับ TMG
NMN Methylation คืออะไร?
เมทิลเลชั่นเป็นกระบวนการทางร่างกายตามธรรมชาติ ที่มีการถ่ายโอนอะตอมไฮโดรเจน 3 อะตอมและอะตอมคาร์บอน 1 อะตอม (CH3) จากโมเลกุลหนึ่งไปยังอีกโมเลกุลหนึ่ง กระบวนการนี้มีความสำคัญต่อการทำงานที่สำคัญที่สุดของร่างกายหลายประการ เช่น:
การสร้างสารสื่อประสาท (Neurotransmitter)
การแบ่งเซลล์ (Mitosis)
การผลิตพลังงาน
การเผาผลาญ
การแสดงออกของ DNA (Epigenetics)
การต่อสู้กับอนุมูลอิสระ
เราจะเห็นว่า เมทิลเลชันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกาย แต่ร่างกายของเราไม่มีแหล่งสำหรับกักเก็บเมทิลเลชันไว้มากพอสำหรับใช้ยามจำเป็น ซึ่งปกติร่างกายของเราจะมี 'ศูนย์กักเก็บ' ของ CH3 methyl group ไว้ใช้ในระดับหนึ่งเท่านั้นสำหรับกระบวนการเมทิลเลชัน เมื่อเรามีแหล่งกักเก็บที่เพียงพอ เมทิลเลชั่นจะทำงานได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อ CH3 methyl group เหลือน้อย ก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพที่ร้ายแรงได้
เหตุใดเราจึงต้องเสริมกระบวนการเมทิลเลชั่นของเรา
เมื่อเราอายุมากขึ้น เป็นผลให้เมทิลเลชันในร่างกายลดลงจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น อาหารแปรรูป น้ำมันจากเมล็ดพืช และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่อาจจะมีส่วนทำให้เกิด "การสูญเสียเมทิลเลชัน" เป็นต้น แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ไม่เพียงแต่เมทิลเลชันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบและกระบวนการสำคัญอื่นๆ ของเซลล์อีกมากมายที่เสื่อมถอยลงหลังจากอายุ 25 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนของเราพุ่งสูงสุด และกระบวนการแก่ชราก็เริ่มต้นขึ้นในระดับพื้นฐาน
อีพิเจเนติกส์ (Epigenetics) และการแก่ชรา
ประการแรก การแก่ชราเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่อความสามารถของเราในการรักษาเมทิลเลชั่นที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถของเมทิลเลชันจะลดลง ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการแสดงออกของ DNA ของเรา เนื่องจากหากไม่มีเมทิลเลชั่นที่เพียงพอ ความสามารถในการอ่านและเปิดใช้งานส่วนของพิมพ์เขียวของ DNA ที่ถูกต้องก็จะถูกขัดขวาง
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น จะอธิบายดังนี้ ตัวอาคารที่สร้างเสร็จแล้วโดยใช้พิมพ์เขียว เมื่อเปิดใช้งานตัวอาคารไปเป็นเวลานาน ซึ่งพิมพ์เขียวเก่านี้ปกติจะถูกเก็บรักษาไว้ และเมื่อเกิดปัญหามีรอยรั่วของท่อภายในตัวอาคารเกิดขึ้น แต่พิมพ์เขียวเก่าของตัวอาคารไม่สามารถอ่านเจอได้อีกในส่วนนั้นของอาคาร ดังนั้นช่างจึงไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้เนื่องจากข้อมูลไม่ถูกต้อง เหมือนกับ DNA ของเรา (เทียบได้กับพิมพ์เขียว) ไม่ได้แสดงข้อมูลออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถของร่างกายในการซ่อมแซมและระบบการผลิตก็จะถูกขัดขวาง เนื่องจากข้อมูลที่จำเป็นไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเหมือนเดิม
สายพันธุ์ MTHFR
Methylenetetrahydrofolate reductase (MTHFR) เป็นยีนที่ไวต่อการกลายพันธุ์ ซึ่งอาจทำให้ระดับโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ในร่างกายสูงได้ MTHFR มี 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ - เฮเทอโรไซกัส (heterozygous) และโฮโมไซกัส (homozygous) และพบรูปแบบเหล่านี้ได้ในสิ่งมีชีวิตหลายชนิด
แต่ก็มีบางคนที่ร่างกายมี MTHFR รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสองรูปแบบ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเมทิลเลชันที่ไม่เหมาะสม และทำให้เกิดปัญหาต่อไปนี้:
สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
สุขภาพจิต
มะเร็ง
อาการปวดเรื้อรังและความเมื่อยล้า
ภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเมทิลเลชั่นสามารถแก้ไขได้ด้วย อาหารเพื่อสุขภาพ และการเสริมวิตามินบีหรือให้สารที่ช่วยเพิ่มเมทิล เช่น TMG (Trimethylglycine หรือ Betaine) อย่างถูกต้อง
ประโยชน์ของ TMG – สารช่วยเพิ่มเมทิลเลชั่น
Trimethylglycine (TMG) เรียกอีกอย่างว่า เบทาอีน - เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย เกี่ยวข้องกับการทำงานของตับ และการสืบพันธุ์ของเซลล์ และช่วยสร้างสารประกอบที่ใช้ในการเผาผลาญที่จำเป็น
TMG เป็นกรดอะมิโนที่มีหมู่เมทิล 3 หมู่ (Methyl group) ติดอยู่ในแต่ละโมเลกุลของไกลซีน ในฐานะสารช่วยเพิ่มเมทิล จึงสามารถเพิ่มเติม 'แหล่งเมทิล' ให้กับร่างกายของเราได้ และสนับสนุนเมทิลเลชั่นที่ดีต่อสุขภาพ
เมื่อเราอายุมากขึ้น 'แหล่งเมทิล' ในร่างกายอาจจะลดน้อยลง ซึ่งทำให้ TMG เป็นอาหารเสริมที่มีประโยชน์มากในการเติมกลุ่มเมทิลให้กับร่างกายของเรา
นอกจากนี้ TMG ยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญกรดอะมิโนที่เรียกว่า โฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (US-FDA) พบว่า มีประสิทธิผลเพียงพอที่จะรับรองและอนุมัติให้ใช้เป็นอาหารเสริมได้
การมีระดับโฮโมซิสเทอีนที่สูง เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคอัลไซเมอร์ ระดับโฮโมซิสเทอีนที่สูงอาจทำให้ผนังหลอดเลือดแดงเสียหายและเกิดลิ่มเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย และเส้นเลือดอุดตันในปอดได้
TMG ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า "ช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีนในพลาสมา" McRae et al (2013) (R) ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ได้
สุดท้ายนี้ กูรูด้านชะลอวัยอย่าง ดร. เดวิด ซินแคลร์ ก็ได้ใช้ TMG ในการเสริมเมทิลเลชั่นให้กับร่างกายเขา ร่วมกับการรับประทาน NMN
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร NMN และ TMG
พลังของ NMN ในการเพิ่ม NAD+ และเพิ่มศักยภาพในการต่อต้านความแก่ชรา ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี เมื่อเรารับประทาน NMN และร่างกายจะทำการเผาผลาญ NMN และสุดท้ายจะได้เป็น nicotinamide และหลั่งออกมาทางปัสสาวะพร้อมกับ methyl group เพื่อให้กระบวนการนี้เกิดขึ้น Nicotinamide จำเป็นต้องมีกลุ่มเมทิลติดอยู่ นี่คือที่มาของ TMG ที่จะต้องเพิ่มเข้าไปให้กับร่างกาย
TMG (Trimethylglycine - โมเลกุลไกลซีนที่มีกลุ่มเมทิล 3 กลุ่มติดอยู่) คือสิ่งที่เราเรียกว่า สารที่ช่วยเพิ่มกลุ่มเมทิล ดังนั้น TMG จึงช่วยเพิ่มกลุ่มเมทิลให้กับ NMN เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญให้สูงสุด สิ่งที่น่าสนใจคือ มีรายงานว่า คนที่ออกกำลังกายในโรงยิม จะมีความอดทนและความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เมื่อรับประทาน TMG ร่วมกับ NMN
สรุป TMG และ NMN
NMN ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีประโยชน์ในการต่อต้านความแก่ชราได้ โดยเพิ่มการทำงานของ Sirtuins และ PARPS ของเรา โดยเริ่มตั้งแต่การซ่อมแซม DNA ไปจนถึงการควบคุมการอักเสบ นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาถึงความสำคัญของกระบวนการเมทิลเลชันต่อการแสดงออกของ DNA และการทำงานของร่างกายอีกด้วย
ที่อเมริกา TMG ได้รับการอนุมัติจาก FDA เพื่อช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีนในพลาสมาเลือด ซึ่งสามารถช่วยต่อสู้กับปัญหาหลอดเลือดและหัวใจได้ นอกจากนี้ TMG ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยเสริมกลุ่มเมทิลให้กับร่างกาย NMN และ TMG ทำงานร่วมกันได้ดี เนื่องจากการผลิต NAD+ ที่เหนี่ยวนำโดย NMN ต้องใช้กระบวนการเมทิลเลชัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ TMG สามารถเสริมจุดนี้ได้ การรรับประทาน NMN และ TMG ร่วมกัน จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการกระตุ้นและรักษาการทำงานที่ดีต่อสุขภาพของกระบวนการต่อต้านความแก่ชรา
อ้างอิง
Comments