เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่า ทําไมการดื่มชาเขียวและชาอื่นๆ จึงมีความสัมพันธ์กับการมีอายุยืน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องสุขภาพอย่างอื่น เช่น เรื่องการรับรู้, การป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด และอื่นๆ อีกมากมาย เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะ EGCG ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ที่พบได้มากในใบชาหลายชนิด
สารกลุ่มโพลีฟีนอล เช่น EGCG มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า มีประสิทธิภาพในการกําจัดอนุมูลอิสระ (1) และช่วยปกป้องเซลล์และเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย
พวกเราอาจจะได้รับสาร EGCG เข้าสู่ร่างกายในรูปแบบ เช่น จากการกินอาหารเสริม หรือ อีกวิธีที่สะดวกและได้รสชาติแท้จริงของชาเชียว ก็คือ การดื่มชาคุณภาพสูง หรือจะเป็นชาเขียวมัทฉะก็ได้ การดื่มชาเขียวทุกวันจนเป็นอุปนิสัย ได้พิสูน์ให้เห็นว่า ช่วยให้การเผาผลาญดีขึ้น, ช่วยควบคุมความดันเลือด และ ปกป้องสมองจากความเสื่อมตามอายุ
EGCG คืออะไร?
EGCG ย่อมาจาก epigallocatechin gallate เป็นสารในกลุ่ม Polyphenol ที่ได้จากพืช เป็นสารที่พบมากสุดในกลุ่มคาเทชิน (catechin) ที่มีในใบชาเขียวและชาดำ
ประโยชน์ของ EGCG
จากงานวิจัยบ่งบอกว่า EGCG มีฤทธิ์ชะลอวัย ต่อต้านริ้วรอย ถือได้ว่าเป็นการบำบัดที่ได้จากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง และช่วยป้องกันโรคบางขนิดได้ดี เช่น
ต้านและกำจัดอนุมูลอิสระ
ต้านการอักเสบ
ยับยั้งการเสื่อมของระบบประสาท
ต่อต้านมะเร็ง (anti-carcinogenic)
จับกับโลหะหนัก (Metal-chelating)
เพิ่มการเผาผลาญ - ช่วยลดน้ำหนักได้ดี
ฤทธิ์ของ EGCG ที่รู้จักกันดี ดังนี้
1. ลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และต้านการอักเสบ
จากการวิจัย พบว่า EGCG จะลดการสะสมของอนุมูลอิสระ ด้วยการเปลี่ยนการส่งสัญญานในการตอบสนองต่อการอักเสบที่มากเกิน, ลดระดับของ NO (Nitric oxide: เป็นสารในการนำส่งสัญญาน) และสภาวะเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (1)
มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า EGCG จะทำปฏิกิริยาโดยตรงกับโปรตีนและฟอสโฟไลปิด (*) และควบคุมเส้นทางการส่งสัญญาณ, transcription factor, DNA methylation, การทํางานของไมโตคอนเดรียและ autophagy (วิธีที่ร่างกายใช้กำจัดเซลล์ที่เสียหาย/ตาย)
นั่นหมายความว่า EGCG ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวกับสุขภาพได้หลากหลายมาก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการอักเสบและการเสื่อมสภาพ
2. เสริมการทำงานของหัวใจ
สาร catechin ในใบชา จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่างต่อหัวใจและเส้นเลือด (*)
จากข้อมูลของ Harvard Health Publishing ระบุว่า สารฟลาโวนอยด์ช่วยยับยั้งการอักเสบและลดการสะสมของคราบ (Plaque) ที่เกิดขึ้นในหลอดเลือดแดง, ช่วยเพิ่มปฏิกิริยาของหลอดเลือด, ช่วยปรับความดันโลหิตให้ดีขึ้น และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL (*)
นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า การดื่มชาอย่างสม่ำเสมอ จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและสโตรค จากการทำสำรวจ พบว่า ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและสโตรคแบบไม่รุนแรงที่ 39%, และความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและสโตรคที่รุนแรงที่ 56% และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตทุกขนิดถึง 29% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ดื่มชาเขียวประจำ (*)
3. ช่วยปกป้องสมอง
นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า EGCG มีประโยชน์ในการปกป้องระบบสมองและประสาท เนื่องจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (*) และความสามารถในการเรียกใช้กลไกของเซลล์ในสมอง การดื่มชาเขียวเป็นประจำจะสัมพันธ์กับการป้องกันโรคทางระบบประสาทที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุ เช่น โรคอัลไซเมอร์, ภาวะสมองเสื่อม และโรคพาร์กินสัน
จากการวิจัยพบว่า สารกลุ่มคาเทชินจะช่วยกระบวนย้อนกลับของระบบประสาทที่เกิดความเสียหายได้ และป้องกันการตายของเซลล์ประสาท, ลดอาการของการรับรู้ความเข้าใจที่ผิดปกติในผู้สูงอายุ
การศึกษาจํานวนมากพบว่า คนที่ดื่มชาเขียววันละ 2 -3 แก้ว นานหลายปี มีโอกาสเกิดความบกพร่องทางสติปัญญาลดลง (*) เช่น โอกาสเกิดโรคพาร์กินสันเพียง 30 - 40 %
นอกจากนี้ ยังช่วยลดอาการความทรงจำที่ผิดปกติ, EGCG ช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้โดยการลดความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในสมอง
4. ช่วยการเผาผลาญให้ดีขึ้น และลดน้ำหนัก
แม้จะไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลรวดเร็ว แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า EGCG สามารถป้องกันกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบเผาผลาญและช่วยในการสลายไขมันได้หลายวิธี (*) เช่น การลดการอักเสบ ลดความอยากอาหาร และเพิ่มการใช้พลังงาน เป็นต้น EGCG จะช่วยเพิ่มกระบวนการเทอร์โมเจเนซิส (ร่างกายผลิตความร้อนโดยใช้พลังงาน) ได้ด้วย แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดแต่ผลนี้ค่อนข้างชัดเจน
การดื่มชาเขียวมัทฉะวันละ 2 แก้วขึ้นไปจะมีความสัมพันธ์กับการมีสุขภาพที่ดี
การบริโภค EGCG ร่วมกับคาเฟอีน จะเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกันให้แรงขึ้น (อาจจะเป็นชา หรือเป็นสารสกัดจากชา หรืออาหารเสริม ก็ได้) มีงานวิจัยที่พูดถึงการรับประทานอาหารเสริม EGCG ที่ผสมคาเฟอีน กินต่อเนื่องหลายเดือน จะช่วยสลายไขมันในคนที่มีน้ำหนักเกิน (*)
5. ช่วยป้องกันมะเร็ง
EGCG มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งได้ดี Ke-Wang Luo และคณะได้ตีพิมพ์งานวิจัยใน Gastroenterology Report (*) พบว่า EGCG สามารถยับยั้งการเจริญเติบโต และยับยั้งการลุกลามของมะเร็งลำไส้-ทวารได้
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจำนวนมากที่น่าสนใจบ่งชี้ว่า EGCG เป็นสารจากธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ป้องกันมะเร็งได้ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป และทยอยนำออกมาเผยแพร่จำนวนมาก
ปริมาณที่แนะนำ
โดยทั่วไป ชาเขียว 1 ถ้วย (ขนาด 250 มล.) จะมีสาร EGCG 50 - 100 มก. (และมีคาเฟอีน 30 - 40 มก.)
การดื่มชาเขียว 1 - 4 ถ้วยต่อวัน จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีในผู้ใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีผลเสียอะไร เว้นแต่บางคนที่ ร่างกายจะมีความไวต่อคาเฟอีนหรือสาร Oxalate ที่พบในชา (ซึ่งจะทำให้มีปัญหากับไตได้) ถ้าเป็นชาเขียวมัทฉะ ซึ่งมีคุณภาพมากกว่าชาทั่วไป มีสาร EGCG สูง อาจจะดื่ม 2 - 3 ถ้วยต่อวัน หรือถ้าเป็นชาเขียวมัทฉะช็อต (Matcha Shot) ก็ดื่มได้ 1 - 2 แก้วต่อวัน เป็นประจำ แต่ถ้าจะดื่มมากกว่านี้ ต้องแน่ใจว่าไม่มีปัญหาเรื่องไต
มีประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ชาเขียวรสหวาน เช่น มัทฉะลาเต้ ที่ใช้ชามัทฉะ เกรดทำอาหาร/เครื่องดื่ม (Cooking grade) มาดื่มเป็นประจำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ หรือนักโภชนาการจะไม่แนะนำ เพราะจะมีชาเขียวผสมทั้งนมและน้ำตาล ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ แถมอาจจะทำให้น้ำหนักขึ้นได้
ถ้าจะรับประทานอาหารเสริมที่มีสาร EGCG, ควรจะกินอย่างไรดี? ปัจจุบันยังไม่มีขนาดมาตรฐานที่กำหนดให้รับประทาน แต่ก็มีบางรายงานระบุว่า ปริมาณน่าจะอยู่ที่ 150 - 2,500 มก.ต่อวัน ก็น่าจะช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลดีขึ้นได้ (*)
นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะแนะนำให้รับประทาน EGCG ในระยะแรกที่ 400 มก.ต่อวัน (ในรูปแบบอาหารเสริม) และไม่ควรเกิน 800 มก. เพื่อจะดูว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร (*) แล้วค่อยเพิ่มขนาดขึ้นไปช้าๆ
อาการข้างเคียง
เนื่องจากมีหลักฐานค่อนข้างน้อย ที่พูดถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสาร EGCG ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับปริมาณที่จะบริโภคต่อวันและคุณภาพของผลิตภัณฑ์
การรับประทานอาหารเสริมที่มีสาร EGCG ในปริมาณสูง อาจจะมีผลต่อการทำงานของตับได้ ดังนั้นต้องระมัดระวังในการรับประทาน
เพื่อความแน่ใจว่า เราจะได้รับ EGCG ในปริมาณที่เหมาะสม ให้ดูที่สลากผลิตภัณฑ์ว่าปริมาณของ Catechin และ EGCG ต่อครั้ง (serving) เท่าไหร่ ซึ่งถ้าน้อยกว่า 800 มก.ต่อวัน ก็จะปลอดภัย โอกาสจะเกิดอาการข้างเคียงน้อย
ถ้าร่างกายไวต่อการตอบสนองของสารคาเฟอีนหรือ oxalate ก็ให้ลดปริมาณการดื่มชาและหลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่มีคาเฟอีน ก็จะช่วยได้
ถ้าสังเกตว่ามีอาการดังต่อไปนี้ ให้หยุดรับประทาน EGCG ทันที:
หงุดหงิด
ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
อ่อนเพลีย
ซีด
อาหารไม่ย่อย
สำหรับคนตั้งครรภ์ หรือคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องไตวาย, โรคตับ หรือโรคหัวใจบางชนิด จะไม่แนะนำให้รับประทานอาหารเสริม EGCG หรือสารสกัดชาเขียว และถ้าคุณกำลังรับประทานยาลดความดันและคอเลสเตอรอล ก็ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อนรับประทานอาหารเสริม EGCG
สรุป
EGCG คือ epigallocatechin gallate. เป็นสารในกลุ่ม catechin ซึ่งพบได้มากในใบชาเขียวและชาดำ
EGCG มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ, ช่วยเรื่องหัวใจและกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย, ช่วยสลายไขมันและลดน้ำหนักได้ และป้องกันสมองไม่ให้เสื่อมสภาพ
เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ในผู้ใหญ่ดื่มชาเขียวได้ 2 - 4 ถ้วยต่อวัน ได้อย่างปลอดภัย
ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสาร EGCG ควรเริ่มรับประทานในปริมาณน้อยกว่า 400 มก./วัน แล้วสังเกตดูอาการ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ค่อยเพิ่มขนาด
#drbunlue #NMP #NMN #NAD #ChapaGroupAndMadePhuwiang #ย้อนวัยไปกับ_drbunlue #antiaging #ชะลอวัย #สุขภาพดี #tiktokสุขภาพ #ลืมป่วย #healthy #healthycare #healthyfood #ดูแลสุขภาพ #EGCG #GreenTea #Catachin #Polyphenol #ชาเขียวมัทฉะ #มัทฉะ
Comentários