top of page
Writer's picturedr.bunlue

อาหารเสริมชะลอวัยควรเริ่มกินเวลาไหน - ช่วงต้นหรือช่วงปลายชีวิตดี?


อาหารเสริมชะลอวัยควรเริ่มกินในช่วงต้นหรือช่วงปลายชีวิตดี?
อาหารเสริมชะลอวัยควรเริ่มกินในช่วงต้นหรือช่วงปลายชีวิตดี?

นักวิจัยแสดงให้เห็นว่า การรักษาในช่วงต้นหรือช่วงบั้นปลายชีวิตด้วย acarbose หรือ rapamycin ช่วยเพิ่มการทํางานทางกายภาพอย่างมีนัยสําคัญและย้อนกลับการขยายตัวของหัวใจ


Keypoints: 


  • ไม่ว่าการรักษาจะเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย (เทียบกับมนุษย์อายุ 25 ปี) หรือหลังจากนั้น (เทียบกับมนุษย์อายุ 52 ปี) และเมื่ออายุ 22 เดือน (เทียบกับมนุษย์อายุ 65 ปี) หนูทุกตัวที่รักษา ด้วยอะคาร์โบสหรือราปามัยซินพบว่า มีการปรับปรุงการทำงานของกล้ามเนื้อ ความสามารถในการอดทน และการเคลื่อนไหวที่ประสานงานได้ดี

  • การรักษาในช่วงต้นหรือช่วงบั้นปลายด้วยอะคาร์โบสหรือราปามัยซินช่วยลดภาวะหัวใจหนาตัวผิดปกติ ในหนูอายุมาก 



Acarbose (ACA) และ rapamycin (RAP) เป็นสารประกอบ 2 ชนิด ที่มีความโดดเด่นในระดับแนวหน้าที่ใช้ในการต่อต้านความแก่ชรา โดยมีการศึกษาทางพรีคลินิกหลายชิ้น ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการยืดอายุขัยและแก้ไขลักษณะบางอย่างของความชรา เช่น ความผิดปกติทางร่างกายและความผิดปกติของหัวใจ อย่างไรก็ตาม ในการศึกษานี้ การจะเริ่มรักษาตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยหรือตอนอายุมาก ประเด็นนี้ ทําให้นักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มการรักษา เพื่อให้ได้สุขภาพที่ดีในช่วงที่อยู่ในวัยชราและยืดอายุขัยได้ด้วย



ยาหรืออาหารเสริมชะลอวัยควรเริ่มกินเวลาไหน - ช่วงต้นหรือช่วงปลายชีวิตดี?


มีการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ใน Journals of Gerontology: Biological Sciences นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้สํารวจผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ในช่วงอายุน้อยและอายุมากด้วย ACA และ RAP ต่อการทํางานของร่างกายและสุขภาพของหัวใจ Herrera และเพื่อนร่วมงานแสดงให้เห็นว่า การรักษาในช่วงอายุน้อยและอายุมากด้วย ACA หรือ RAP จะช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ความอึดความทน และการทำงานที่สอดประสานกันในหนูอายุ (22 เดือน) อย่างมีนัยสําคัญ ยิ่งไปกว่านั้นผู้วิจัยพบว่าภาวะหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Cardiac Hypertrophy) ลดลงในหนูสูงอายุหลังจากการรักษาด้วย ACA และ RAP ตั้งแต่ช่วงอายุน้อยและอายุมาก ซึ่งบ่งชี้ว่า การรักษาทั้ง 2 ช่วงเวลา สามารถชะลออายุของหัวใจให้ช้าลงได้ 




Acarbose และ Rapamycin เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย


เมื่อเราผ่านช่วงวัยกลางคนไปแล้ว ความแข็งแกร่ง ความอดทน และการทำงานของร่างกายที่สอดประสานกัน ก็ค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ ส่งผลให้การทำงานของร่างกายบกพร่องและอ่อนแอมากขึ้น และด้วยลักษณะที่โดดเด่นของ ACA และ RAP ที่เชื่อมโยงกับการยับยั้งกระบวนการแก่ชรา นักวิจัยยังไม่สามารถแยกความแตกต่างของผลกระทบในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ นอกจากนี้ นักวิจัยยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า การรักษามีผลต่อเพศชายและเพศหญิงแตกต่างกันหรือไม่


ด้วยเหตุนี้ Herrera และเพื่อนร่วมงาน จึงคาดการณ์ว่า สมรรถภาพร่างกายของหนูเพศผู้และหนูเพศหญิงที่มีอายุมาก สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ด้วยการรักษาด้วย ACA หรือ RAP โดยเริ่มต้นที่ 4 เดือน (ช่วงวัยเด็ก/ช่วงต้น) หรือ 16 เดือน (ช่วงปลายชีวิต) ของอายุ


ในการประเมินสมรรถภาพร่างกาย ผู้วิจัยได้ใช้การทดสอบความเร่งโรตารอด (rotarod acceleration test) ซึ่งจะประเมินความสามารถของหนูในการรักษาสมดุลและการประสานงานขณะเดินหรือวิ่งบนแกนหมุนที่ค่อยๆ เพิ่มความเร็ว ผลการวิจัยพบว่า การรักษาทั้งในช่วงต้นและช่วงบั้นปลายชีวิตด้วย ACA และ RAP จะช่วยเพิ่มเวลาเฉลี่ยที่ใช้บนแกนหมุน อย่างมีนัยสําคัญ ซึ่งบ่งบอกถึงการประสานงานของกล้ามเนื้อและความสมดุลของร่างกายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วย RAP เริ่มต้นที่ 16 เดือนจะมีนัยสําคัญทางสถิติในเพศชายเท่านั้น เมื่อเทียบกับหนูสูงอายุที่ไม่ได้รับการรักษา (กลุ่มควบคุม) 


ผลลัพธ์ที่คล้ายกันนี้เห็นได้ เมื่อผู้วิจัยวัดความอดทนผ่านการทดสอบ rotarod acceleration test ซึ่งตั้งความเร็วของก้านคงที่ ในขณะที่การรักษาในช่วงต้นและปลายชีวิตด้วย ACA จะเพิ่มความสามารถในการอดทนได้ทั้งชายและหญิงอย่างมีนัยสําคัญ, ส่วนการรักษาด้วย RAP จะเห็นผลเฉพาะในเพศชายอย่างมีนัยสำคัญทั้งในช่วงต้นและช่วงบั้นปลายชีวิต ซึ่งชี้ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เกิดเฉพาะทางเพศด้วย RAP เมื่อนํามารวมกัน ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การรักษาในช่วงต้นและปลายชีวิตด้วย ACA หรือ RAP ประสบความสําเร็จในการชะลอการเสื่อมสภาพทางร่างกายที่เกี่ยวข้องกับอายุได้ดี



ACA และ RAP ช่วยเพิ่มการประสานงานของกล้ามเนื้อและความอดทน
ACA และ RAP ช่วยเพิ่มการประสานงานของกล้ามเนื้อและความอดทน

Herrera et al., 2023 | Journals of Gerontology: Biological Sciences - ACA และ RAP ช่วยเพิ่มการประสานงานของกล้ามเนื้อและความอดทน เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (สีขาว), หนูอายุน้อย (อายุ 4 เดือน) และอายุมาก (16 เดือน) ที่ได้รับการรักษาด้วย ACA (สีแดง) หรือ RAP (สีม่วง) แสดงให้เห็นถึงการประสานงานของกล้ามเนื้อที่ดีขึ้น (ซ้าย) และความอดทน (ขวา) อย่างไรก็ตาม ผลของการรักษาด้วย RAP ในช่วงบั้นปลายชีวิตต่อการทํางานของร่างกายมีนัยสําคัญทางสถิติเฉพาะในเพศชายเท่านั้น 



Acarbose และ Rapamycin ช่วยชะลอวัยของหัวใจ 


นอกจาก ACA และ RAP ที่มีผลกระทบอย่างมาก ต่อการทํางานของร่างกายแล้ว ยังมีอิทธิพลต่อลักษณะของความชราภาพของหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะหัวใจโตผิดปกติ (cardiac hypertrophy) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ทําให้ความผิดปกติของหัวใจรุนแรงขึ้น ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ยังคงมีช่องว่างที่ต้องเรียนรู้ เวลาที่เหมาะสมสําหรับการเริ่มต้นการรักษา ดังนั้นทีมนักวิจัยจากมิชิแกน จึงประเมินว่าการรักษาด้วย ACA หรือ RAP ในระยะแรกหรือช่วงบั้นปลายชีวิตนั้น แบบไหนจะเหมาะสมกว่ากันในการชะลอภาวะหัวใจที่โตผิดปกติ


จากการเปรียบเทียบข้อมูลการทํางานทางกายภาพ การรักษาด้วย ACA ทั้งในช่วงต้นหรือปลายชีวิต ต่างก็ได้ผลลัพธ์ที่เท่าเทียมกันทั้งในหนูตัวผู้และหนูตัวเมีย, การลดภาวะหัวใจที่โตผิดปกติอย่างมีนัยสําคัญ ในทำนองเดียวกัน ภาวะหัวใจที่โตผิดปกติจะบรรเทาลงจากการรักษาด้วย RAP ทั้งในช่วงต้นและช่วงบั้นปลายชีวิต ซึ่งมีผลต่อเพศชายและเพศหญิงเหมือนกัน ดังนั้นผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการรักษา ACA หรือ RAP ในระยะแรกหรือช่วงบั้นปลายชีวิตมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันในการชะลอความแก่ชราของหัวใจ 



การรักษาด้วย ACA และ RAP ช่วยลดภาวะหัวใจที่โตผิดปกติ
การรักษาด้วย ACA และ RAP ช่วยลดภาวะหัวใจที่โตผิดปกติ

Herrera et al., 2023 | Journals of Gerontology: Biological Sciences - การรักษาด้วย ACA และ RAP ช่วยลดภาวะหัวใจที่โตผิดปกติ การรักษาในช่วงต้น (สีทึบ) หรือช่วงปลายชีวิต (ลายตาหมากรุก) ด้วย ACA (สีแดง) หรือ RAP (สีม่วง) ช่วยลดการเจริญเติบโตที่มากเกินไปของหัวใจ (น้ําหนักหัวใจ) ทั้งในหนูตัวผู้และหนูตัวเมีย 



เวลาไม่ใช่ทุกอย่าง 


เป็นที่ชัดเจนว่า การรักษาด้วย ACA และ RAP ในช่วงต้นหรือช่วงบั้นปลายจะช่วยป้องกันความผิดปกติทางร่างกายและหัวใจที่เกี่ยวข้องกับอายุ แม้ว่าดูเหมือนจะมีผลกระทบเฉพาะทางเพศเมื่อต้องเพิ่มการทำงานทางกายภาพด้วยการรักษาด้วย RAP โดยเริ่มในช่วงบั้นปลายของชีวิต ซึ่งผลลัพธ์ที่สังเกตได้เฉพาะในหนูตัวผู้เท่านั้น


สิ่งที่น่าสนใจคือ การค้นพบที่เกิดเฉพาะเรื่องเพศนี้ ขัดแย้งกับการศึกษาเกี่ยวกับอายุขัยครั้งก่อนๆ แสดงให้เห็นว่า การรักษาด้วยยาราปามัยซินในช่วงบั้นปลายมีผลกระทบที่เด่นชัดในการยืดอายุขัยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการศึกษาในอนาคตเพื่อแยกความแตกต่างผลกระทบเฉพาะทางเพศของการรักษาด้วย RAP ในบั้นปลายชีวิต .


สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่า ความแตกต่างทางเพศในการทำงานทางกายภาพไม่ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะหัวใจโตมากเกินไป ในความเป็นจริง การรักษาด้วย ACA หรือ RAP ทั้งในช่วงต้นและช่วงบั้นปลายชีวิตก็ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันในหนูตัวผู้และตัวเมีย ซึ่งหมายความว่า การเริ่มการรักษาในช่วงบั้นปลายของชีวิตยังคงสามารถสะท้อนผลการกระตุ้นหัวใจจากการรักษาด้วย ACA หรือ RAP ตลอดชีวิตได้


การค้นพบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ยังไม่เคยสายเกินไปที่จะลงมือทำการรักษาเพื่อช่วยยืดอายุขัยให้ยืนยาวและปรับปรุงความเป็นอยู่โดยรวมในวัยชราได้ แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่สารต่อต้านวัยชราอย่าง ACA และ RAP ก็สามารถช่วยให้สุขภาพกายดีขึ้นและชะลอความชราของหัวใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารทั้งสองนี้ เป็นยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา 



อ้างอิงจาก -

 Jonathan J Herrera, Kaitlyn Pifer, Sean Louzon, Danielle Leander, Oliver Fiehn, Sharlene M Day, Richard A Miller, Michael Garratt, Early or Late-Life Treatment With Acarbose or Rapamycin Improves Physical Performance and Affects Cardiac Structure in Aging Mice, The Journals of Gerontology: Series A, Volume 78, Issue 3, March 2023, Pages 397–406, https://doi.org/10.1093/gerona/glac221

Komentáre


สินค้าขายดี

bottom of page